ความรู้ไม่สิ้นสุด

  • Breaking News

    วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

    ๙๐ ปี รางวัลพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ ตอนที่ ๑ กำเนิดรางวัลพระราชนิพนธ์


                                            หัวใจนักรบ  วิวาหพระสมุท  เวนิสวานิช  มัทนะพาธา 
                                          หัวใจชายหนุ่ม สาวิตรี ศกุนตลา พระร่วง ท้าวแสนปม       
                                          ธรรมาธรรมะสงคราม  นิทานทองอิน  เสียสละ เพื่อนแท้ 
                                          พระนลคำฉันท์  มงคลสูตรคำฉันท์ เห็นแก่ลูก 
                                          โรมิโอจูเลียต โคลนติดล้อ ฯลฯ

    เชื่อว่าทุกท่านคงจะเคยได้ยินชื่อวรรณกรรมข้างต้นกันมาบ้างแล้ว เพราะหลายเรื่องได้รับการคัดสรรให้เป็น   บทเรียนในหลักสูตรและหนังสืออ่านนอกเวลามาเป็นเวลาหลายสิบปี

    นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปเท่านั้น ยังมีพระราชนิพนธ์นับพันเรื่องทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง สารคดี และบันเทิงคดีทั้ง เรื่องแต่ง เรื่องแปล เรื่องแปลง ซึ่งแสดงถึงพระอัจฉริยภาพสูงยิ่งทั้งเชิงภาษาและแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า จอมปราชญ์ของชาติไทย  

    เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีประกาศพระราชทานรางวัลแก่นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ผู้แสดงความสามารถเรียนรู้พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ ขึ้น เพื่อเชิดชูพระเกียรติยศในเชิงการประพันธ์วรรณคดี โดยพระราชทานเงินจำนวน ๘๐๐บาทเป็นประเดิมสำหรับเป็นรางวัลและพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลในการนี้ด้วย

    ต่อมาได้มีประกาศพระนามและนามกรรมการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้ตัดสินให้รางวัล เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๔๗๐  มีพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ  เป็นประธานกรรมการ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต นายกกรรมการจัดการวชิราวุธวิทยาลัย และ มหาอำมาตย์โท พระยาสุรินทราชา เป็นกรรมการ  มีอำมาตย์เอก พระราชธรรมนิเทศ  เป็นเลขานุการ    

    ในประกาศดังกล่าวได้กำหนดพระราชนิพนธ์ที่จะใช้สอบไว้ล่วงหน้า ๓ ปี  ได้แก่  
    พ.ศ.๒๔๗๑ เรื่องรามเกียรติ์รัชกาลที่ ๖ ชุดพิเภษณ์ถูกขับ  และ ประชุมนิทานรัชกาลที่ ๖ ฉบับพระโสภณอักษรกิจ  
    พ.ศ. ๒๔๗๒ บทละคร เรื่อง เสียสละ  และ เรื่องพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร 
    พ.ศ. ๒๔๗๓ เรื่อง ธรรมาธรรมะสงคราม  และบทละครเรื่อง หัวใจนักรบ 
    โดยได้กำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาตัดสิน ได้แก่ ความรู้ในเรื่อง  ความรู้ในข้อความสาขาที่อ้างถึงในเรื่อง  และความรู้ในเชิงโวหารและสำนวน  ผู้ที่สอบได้ที่ ๑ จะได้รับพระราชทานรางวัลเป็นหนังสือ ราคารวมประมาณ ๕๐ บาท

    ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๗๐  พระวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าธานีนิวัต  นายกกรรมการจัดการวชิราวุธวิทยาลัย  ได้ทรงแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมการดังกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ ๘๐๐ บาท ให้เป็นทุนสำหรับใช้จ่ายรางวัลแก่นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัย  ผู้ที่ได้แสดงความสามารถเรียนรู้ในหนังสือพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ผู้ทรงสถาปนาและทำนุบำรุงโรงเรียนตั้งแต่เริ่มมา  และมีผู้โดยเสด็จพระราชกุศลนี้ช่วยเหลือเงินรวมอีกราว ๓,๓๐๐ บาทกว่าๆ ซึ่งควรจะได้ดอกเบี้ยพอกับรางวัลซึ่งจะให้เป็นหนังสือหรือสิ่งของราคาไม่เกิน ๕๐ บาท  กับถ้ามีผู้อื่นสอบได้ดี  กรรมการในการนี้มีสิทธิ์ที่จะพิจารณาความชอบ  เพื่อขอพระบรมราชานุญาตจ่ายรางวัลพิเศษเพิ่มเติมให้อีกได้  แต่คาดว่าปีหนึ่งจะจ่ายไม่เกินกว่า ๑๐๐ บาท

    สำรวล  พุกกะณานนท์  นักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย เลขประจำตัว ๙๐ (พ.ศ. ๒๔๖๙-๒๔๗๙) ได้บันทึกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของรางวัลพระราชทานการแสดงความสามารถเรียนรู้พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๖ ไว้ดังนี้  ...โรงเรียนจัดให้เรียนกวีนิพนธ์เป็นพิเศษเฉพาะม.๗ และม.๘  ใครสมัครก็ได้ไม่บังคับ  เพราะไม่เกี่ยวกับการเรียนธรรมดา  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ไม่ใช่ครู)  เป็นผู้เลือกหนังสือให้เรียน  ตรวจข้อสอบ  และให้รางวัล  หนังสือที่เรียนเป็นพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ พระผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียน  พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ พระราชทานรางวัลเป็นหนังสือปกแข็งเดินทองหลายเล่มแก่ผู้สอบได้ที่หนึ่ง  และคนแรกที่ได้รับพระราชทานรางวัล  มีหนังสือพิมพ์มาขอถ่ายรูปที่ข้างหอประชุม  ชื่อ ประกอบ  หุตะสิงห์  อดีตประธานศาลฎีกา  และองคมนตรี…”
    กมล  ชาญเลขา  นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเลขประจำตัว ๑๑๒ (พ.ศ.๒๔๖๙ - ๒๔๗๖) ได้บันทึกความทรงจำไว้ว่า   ...รางวัลกวีนิพนธ์เป็นรางวัลที่ให้แก่นักเรียนชั้นสูงที่สอบความรู้เกี่ยวกับพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้คะแนนเป็นเยี่ยมในการสอบแข่งขันประจำปี  คณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยข้าราชการผู้ใหญ่ชั้นสูง(ซึ่งเป็นกวีด้วย) จะได้กำหนดพระราชนิพนธ์สองเรื่องเพื่อทำการสอบทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์  ปีที่ข้าพเจ้าเข้าสอบและได้รับรางวัลพระราชทานนั้น  กรรมการสัมภาษณ์ประกอบด้วย พระราชวรวงศ์เธอ  กรมหมื่นพิทยาลงกรณ  เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี  และพระยาสุรินทราชา  พระราชนิพนธ์ที่กำหนดในปีนั้น  คือ เรื่องพระร่วง และเสภาพระยาราชวังสัน  เมื่อถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์นั้นข้าพเจ้ารู้สึกประหม่า  เนื่องจากเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตกอยู่ในฐานะมานั่งโต้ตอบกับบรรดากวีเอกของประเทศ  ซึ่งบางท่านก็เป็นเจ้านายชั้นสูง  ข้าพเจ้ายังจำได้ว่ากรมหมื่นพิทย์ฯ หรือ น.ม.ส.ได้รับสั่งถามว่า มีบทเสภาตอนหนึ่งว่า จึงหลงรักมัสหมั่นขันจริง  เธอรู้ไหมมัสหมั่นน่ะอะไร   ข้าพเจ้าตอบว่ามัสหมั่นเป็นแกง  แต่เมื่อเห็นทรงสรวล  จึงกราบทูลไปว่า ในที่นี้หมายถึงแขกคือนางบัวผันอยากมีผัวแขก  ประสบการณ์ครั้งนั้นเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้ามาก  เพราะต่อมาข้าพเจ้าคุ้นเสียแล้วจึงไม่ใคร่ประหม่าในการถูกสัมภาษณ์  แม้แต่ในการสอบชิงสกอลาร์ชิป  ซึ่งกรรมการประกอบด้วยกรมหมื่นนราฯ หลวงวิจิตรวาทการ  และหลวงศรีปรีชาฯ  ข้าพเจ้าก็ได้โต้ตอบให้กรรมการหัวเราะได้…”
    ม.จ.พิริยดิศ  ดิศกุล  นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเลขประจำตัว ๒๔๙  (พ.ศ.๒๔๗๒ - ๒๔๘๑) ได้ทรงเล่าประสบการณ์ในปีสุดท้ายของการเรียนของท่านไว้ดังนี้  ...ในปีสุดท้ายของการเรียนของผม  ก็ให้มีเหตุการณ์ที่ทำให้ครูทั้งโรงเรียนหมดความสุขไปตามๆ กัน  เพราะมีการสอบตกภาษาไทยกันหลายคน  ในจำนวนนี้มีผมซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  และหม่อมเจ้าภีศเดช  รัชนี  พระโอรสของพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ หรือ น.ม.ส. ที่ได้รับการถวายพระนามว่าเป็นปราชญ์ของเมืองไทยอีกด้วย  เราทั้งสองคนถูกพ่อเล่นงาน  และต่างก็ต้องอ้างซึ่งกันและกัน  ...  ผมกลับมาเรียนใหม่ด้วยปณิธานใหม่  และต้องขอคุยอวดด้วยว่า ปีนั้นผมสอบแข่งขันกวีนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้รับรางวัลที่ ๒  คนที่ ๑ คือ  นายแพทย์มงคล  รัตนปราการ…”
    สำหรับกรรมการรางวัลนั้น กรรมการจัดการวชิราวุธวิทยาลัยได้มีการเสนอชื่อผู้ทรงคุณวุฒิทางอักษรศาสตร์โดยเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลไปตามความเหมาะสม อาทิ  ในปีพ.ศ. ๒๔๗๘ ได้มีการเสนอชื่อพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ เป็นประธาน   ส่วนกรรมการประกอบด้วย เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี  พระธรรมนิเทศทวยหาญ   พระยาสุนทรพิพิธ  โดยมี พระวรเวทย์พิสิษฐ์ เป็นเลขานุการ  ปีพ.ศ. ๒๔๘๖ กรรมการ ประกอบด้วยอธิบดีกรมสามัญศึกษา  ข้าราชการในกระทรวงศึกษา  และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนหนึ่งคน  โดยนายกกรรมการฯ เป็นผู้แต่งตั้ง
    นอกจากจัดสอบแข่งขันแล้ว  ยังได้มีการจัดพิมพ์หนังสือพระราชนิพนธ์ซึ่งปรากฏหลักฐานว่า ปีพ.ศ. ๒๔๘๒ หนังสือพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๖ ไม่มีจำหน่ายหรือมีแต่ราคาแพง  กรรมการจัดการวชิราวุธวิทยาลัยจึงได้ให้โรงพิมพ์ช่างพิมพ์วัดสังเวช  ของกระทรวงธรรมการจัดพิมพ์เพื่อจำหน่ายแก่นักเรียนและประชาชนทั่วไปในราคาถูก
    “กำเนิดรางวัลพระราชนิพนธ์” นี้ผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลหลายแหล่ง อาทิ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ และบทความของนักเรียนเก่าจากหนังสือของโรงเรียน ได้แก่ OV รุ่นลายครามรำลึก  วชิราวุธวิทยาลัยครบ ๕๐ ปี ซึ่งบทความเหล่านี้ต่อมาได้ถูกพิมพ์ซ้ำในหนังสือที่ระลึกครบรอบ ๙๐ ปีของโรงเรียนชื่อว่า “เราตรองตรึกระลึกความครั้งกระโน้น...”


    หมายเหตุ : แก้ไขเพิ่มเติมจากเรื่อง รางวัลพระราชนิพนธ์ ที่ผู้เขียนเรียบเรียงไว้ในหนังสือ วชิราวุธวิทยาลัย  เหลียวหลัง...แลไกล สู่วิสัยทัศน์ศตวรรษที่ ๒ภาคปัจจุบัน (๒๕๕๔)

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น

    Fashion

    code ที่ใช้

    Beauty

    Culture